บทที่ 3 การอพยพ (ก.ค.ศ. 1550-1250)
1. หลักฐานการอพยพ
พวกยิวคิดอยู่เสมอว่าการอพยพออกจากประเทศอียิปต์เป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์ของพวกเขา พระธรรมอพยพ เลวีนิติ กันดารวิถี และเฉลยธรรมบัญญัติ พูดถึงข้อเท็จจริงที่พระเจ้าทรงนำพวกอิสราเอลออกมาจากแผ่นดินอียิปต์ บรรดาผู้เขียนประวัติศาสตร์อิสราเอลต่อจากเรื่องการอพยพ ตามที่ปรากฏในพระธรรมโยชูวา ผู้วินิจฉัย 1-2 ซามูเอล และ 1-2 พงศ์กษัตริย์ พูดถึงเหตุการณ์ต่าง ๆ เปลี่ยนลูกหลานบรรพชนต้นตระกูลอิสราเอลให้พัฒนาขึ้นจนกลายเป็นชนชาติหนึ่งในโลกได้สำเร็จ พวกผู้เผยพระวจนะใหญ่ เช่น อิสยาห์ เยเรมีย์ เอเสเคียล และพวกผู้เผยพระเวจนะน้อย เตือนสติผู้ฟังให้รำลึกถึงเหตุการณ์เมื่อตอนที่อิสราเอลอพยพออกจากอียิปต์ ผู้แต่งเพลงสดุดีหลายคนก็ร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้าในเรื่องเดียวกันนี้
แต่บันทึกของชาวอียิปต์กลับไม่ได้เอ่ยถึงเลย คงจะเป็นเพราะพวกเขาเห็นว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยก็ได้ เรื่องนี้ทำให้ค่อนข้างยากที่จะแน่ใจได้ว่าการอพยพเกิดขึ้นจริงหรือไม่ นักวิชาการบางคนเห็นว่า เรื่องต่าง ๆ ในพระธรรมอพยพเป็นเหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้นในชีวิตของพวกอิสราเอล
นักวิชาการบางคนเห็นว่าเรื่องภูเขาซีนายไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องการอพยพหรือการเดินทางเข้าสู่แผ่นดินพระสัญญาเลย แต่จากสิ่งที่เราศึกษาในพระคัมภีร์ และจากทัศนะคติที่สืบทอดกันมา เรื่องการอพยพออกจากอียิปต์ การทำพันธสัญญาที่ภูเขาซีนาย อิสราเอลพเนจรอยู่ในถิ่นทุรกันดาร และการเข้าสู่แผ่นดินพระสัญญา ล้วนเป็นเหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องและเกี่ยวข้องกัน
1. โยเซฟขึ้นสู่อำนาจโยเซฟมีอำนาจในช่วงที่ราชวงศ์ฮีคสอสปกครองประเทศอียิปต์ กษัตริย์ราชวงศ์นี้เป็นชาวเซไมต์ เข้ามาในอียิปต์ครั้งแรกทางเอเซียตะวันตกเฉียงใต้ประมาณ ก.ค.ศ. 1720 และยึดครองอียิปต์ได้ทั้งหมดประมาณ ก.ค.ศ. 1690 แล้วตั้งเมืองหลวงของตนขึ้นที่อาวาริสบริเวณดินดอนสามเหลี่ยมแม่น้ำไนล์ พวกเขาแผ่อำนาจไปถึงปาเลสไตน์ เนื่องจากคนพวกนี้มาจากเผ่าเดียวกันกับอิสราเอล จึงเป็นธรรมดาที่จะยอมให้โยเซฟเป็นผู้นำ
2. อิสราเอลตกเป็นทาสพวกฮิคสอสปกครองอียิปต์นานประมาณหนึ่งร้อยปี แล้วพวกอียิปต์ที่อยู่ตอนบนของประเทศก็แยกตัวเป็นอิสระไม่ยอมอยู่ใต้การปกครองของฮิคสอส จนในที่สุดก็สามารถยึดเมืองอาวาริสได้สำเร็จเมื่อประมาณ ก.ค.ศ. 1550 และขับไล่พวกฮิคสอสออกจากอียิปต์ กษัตริย์องค์ใหม่ที่ขึ้นครองราชย์ไม่รู้จักโยเซฟ จึงเกิดการกดขี่ข่มเหงพวกอิสราเอลอย่างหนัก
3. การสร้างเมืองต่าง ๆ เพื่อจะค้นดูว่าช่วงเวลาที่พวกอิสราเอลเป็นทาสในอียิปต์นานเท่าใด เราต้องตรวจสอบจากหลักฐานการก่อสร้างหัวเมืองต่าง ๆ เพื่อเก็บราชสมบัติของฟาโรห์ คือเมืองปิธม เมืองราอัมเสส (อพยพ 1:11) ที่เมืองเบธชานในปาเลสไตน์มีหลักศิลาจารึกกล่าวถึงเรื่องราวในสมัยราอัมเสสที่ 2 (ก.ค.ศ. 1290-1223) พระองค์ทรงสร้างเมืองอาวาริสให้เป็นเมืองหลวงของพวกฮิคสอสสมัยโบราณ จากแผนที่จะเห็นได้ว่าเมืองอาวาริสกับเมืองปิธมตั้งขนาบอยู่สองข้างโกเชนบริเวณที่พระคัมภีร์บอกว่าเป็นสถานที่ซึ่งอิสราเอลอาศัยอยู่
4. เผ่าต่าง ๆ ที่อยู่ในถิ่นทุรกันดารโมเสสแต่งงานกับลูกสาวของเยโธรปุโรหิตของชาวมีเดียน (อพยพ 3:1) อิสราเอลต่อสู้กับคนอามาเลข (อพยพ 17:8-13) และเดินอ้อมดินแดนของชาวโมอับ (กดว. 21:10) ชาวมีเดียนกับอามาเลขเป็นชนเผ่าเร่ร่อน ไม่มีที่อาศัยเป็นหลักแหล่ง จึงไม่ได้ทิ้งหลักฐานอะไรไว้ให้นักโบราณคดีศึกษาประวัติศาสตร์สมัยโน้น ดังนั้นจึงไม่มีหวังจะได้หลักฐานที่บ่งชี้ถึงเรื่องราวของการอพยพจากความรู้เกี่ยวกับคนพวกนี้
5. ปาเลสไตน์เปิดให้เผ่าต่าง ๆ เข้าไปตั้งหลักแหล่งปาเลสไตน์เป็นสมรภูมิมาตลอดประวัติศาสตร์ บริเวณแห่งนี้ตั้งอยู่ระหว่างอารยธรรมใหญ่ ๆ ในอียิปต์และเมโสโปเตเมีย ต่อมาก็รวมทั้งเอเซียไมเนอร์และยุโรป ไม่ว่าราชอาณาจักรใดที่เรืองอำนาจขึ้นมาในเอเซียตะวันตกเฉียงใต้สมัยโบราณ พวกเขาต่างก็พยายามจะเข้าควบคุมปาเลสไตน์ไว้ให้ได้ เพราะที่นั่นมีประโยชน์สำหรับเป็นแนวป้องกันศัตรูของประเทศ หรืออาจใช้เป็นที่ตั้งฐานทัพเพื่อโจมตีประเทศศัตรู
สมัยที่ฟาโรห์เมอร์เนปทาร์ปกครองอียิปต์ (ก.ค.ศ. 1223-1211) พระองค์ทรงชราภาพไม่สามารถควบคุมปาเลสไตน์ไว้ได้จึงเกิดการทำสงครามกัน ศิลาจารึกที่สร้างขึ้นหลังสงครามเสร็จสิ้นลงแล้วบันทึกไว้ว่า "อิสราเอลราบคาบลงแล้ว ไม่เหลือเชื้ออีกต่อไป" แสดงว่าในปี ก.ค.ศ. 1220 มีพวกอิสราเอลอยู่ในปาเลสไตน์แล้ว คนพวกนี้อาจจะเข้าไปอยู่ในปาเลสไตน์ก่อนรัชสมัยของฟาโรห์เมอร์เนปทาร์ คือเข้าไปอยู่ประมาณ ก.ค.ศ. 1240
6. เมืองต่าง ๆ ในปาเลสไตน์ที่ถูกทำลายอย่างที่เห็นแล้วว่าข้อมูลสำคัญต่าง ๆ ได้มาจากซากวัสดุสิ่งของในชั้นดินต่าง ๆ ที่ปาเลสไตน์ นักโบราณคดีขุดค้นลงไปในชั้นดินพบว่ามีเมืองจำนวนมากถูกเผาทำลายประมาณปลายศตวรรษที่ 13 ก.ค.ศ. หลักฐานเหล่านี้เหมือนจะสนับสนุนเรื่องที่บันทึกไว้ในพระคัมภีร์เกี่ยวกับการตั้งถิ่นฐานในปาเลสไตน์ เพราะมีเมืองเดอร์บี (ยชว.10:38-39) ลาคีช (ยชว.10:31-32) ฮาโซร์ (ยชว. 11:10) อยู่ในจำนวนนั้น ถ้าเมืองเหล่านี้ถูกทำลายโดยพวกอิสราเอลแล้ว ก็เท่ากับสนับสนุนข้อเสนอแนะที่บอกว่าเรื่องการอพยพออกจากอียิปต์เกิดขึ้นในศตวรรษที่ 13 ก.ค.ศ.
7. เมืองเยรีโคและเมืองอัยหลักฐานจากเมืองเยรีโคและเมืองอัยมีลักษณะแตกต่างกันมาก แม้ว่าเมืองทั้งสองนี้จะมีความสำคัญในเรื่องการตั้งถิ่นฐานของพวกอิสราเอลในแผ่นดินคานาอันก็ตาม แต่ไม่มีหลักฐานว่าอิสราเอลเผาเมืองนี้ในศตวรรษที่ 13 ดูเหมือนว่าเยรีโคจะถูกทำลายตอนต้นศตวรรษที่ 15 ก.ค.ศ. และอีกครั้งประมาณก่อนกลางศตวรรษที่ 14 ก.ค.ศ. เล็กน้อย ส่วนเมืองอัยถูกทำลายก่อนหน้าเมืองเยรีโคเสียอีก คือก่อนศตวรรษที่ 20 ก.ค.ศ. และไม่เคยมีผู้คนเข้าไปอาศัยในเมืองนี้อีกเลย แต่ใกล้กับเมืองอัยมีเมืองเบธเอลตั้งอยู่ ห่างกันประมาณหนึ่งไมล์กว่า ประชาชนอาจจะจำสองเมืองนี้สับสนกันได้ง่าย
8. วันเวลาที่เหตุการณ์เกิดขึ้นตามที่พระคัมภีร์ระบุไว้หลักฐานส่วนใหญ่บ่งบอกว่าช่วงอพยพก่อนขึ้นในรัชสมัยของราอัมเสสที่ 2 (กคศ. 1290-1223) แต่หลักฐานบางชิ้นก็ไม่สนับสนุนทัศนะนี้ ผู้เขียนพระคัมภีร์หลายคนพยายามจะบอกว่าเรื่องอพยพเกิดขึ้นเมื่อใด โดยแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม
ตามที่ปรากฏในพระธรรมอพยพ 12:40 บอกว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นหลังจากที่โยเซฟและครอบครัวของท่านเข้าไปอาศัยอยู่ในอียิปต์แล้ว 430 ปีหรือประมาณปี ก.ค.ศ. 1260-1120
พระธรรม 1 พงศ์กษัตริย์ 6:1 บอกว่าเรื่องการอพยพเกิดขึ้นก่อนวางรากสร้างพระวิหาร 480 ปี พระวิหารสร้างขึ้นเมื่อประมาณ ก.ค.ศ. 958 เรื่องการอพยพจึงเกิดขึ้นเมื่อประมาณ ก.ค.ศ. 1438 ซึ่งดูเหมือนว่าไกลเกินไป แต่คำว่า "480 ปี" อาจจะหมายถึง 12 ชั่วอายุคน เพราะอิสราเอลสมัยโน้นนับ 1 ชั่วอายุคนเท่ากับ 40 ปี แต่ตามความเป็นจริงแล้วหนึ่งชั่วอายุคนน่าจะเป็น 25 ปี มากกว่า ถ้าเช่นนั้น 12 ชั่วอายุคนก็เป็น 300 ปี ถ้าที่ผู้เขียนพระธรรม 1 พงศ์กษัตริย์บอกไว้นั้นหมายถึง 12 ชั่วอายุคนจริงก็เป็นหลักฐานยืนยันว่าการอพยพเกิดขึ้นประมาณ ก.ค.ศ. 1258 ก็แสดงว่าเกิดขึ้นในศตวรรษที่ 13 ก.ค.ศ.
พระคัมภีร์ตอนอื่นก็บอกปีที่อิสราเอลอพยพออกจากอียิปต์ไว้ด้วย เช่น ในปฐมกาล 15.12-16 บอกว่าเหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นอีก 4 ชั่วอายุคน หนึ่งชั่วอายุคนเท่ากับ 100 ปี กาลาเทีย 3.17 บอกว่าเกิดขึ้นหลังจากที่พระเจ้าทรงเรียกอับราฮัม 430 ปี แต่ทั้งสองตอนไม่สอดคล้องกับรายละเอียดที่เสนอไว้ในบทนี้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น